
ฝุ่นPM2.5 ภัยเงียบอันตรายที่มองไม่เห็นแต่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำว่า “ฝุ่นPM2.5” กลายเป็นคำที่เราได้ยินบ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและหน้าแล้ง แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจถึงอันตรายที่แท้จริงของมัน ฝุ่น PM2.5 ถูกเรียกว่าเป็น “ภัยเงียบ” เพราะเป็นอันตรายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาว บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับฝุ่น PM2.5 ผลกระทบต่อสุขภาพ และวิธีป้องกันตัวเองจากภัยเงียบนี้
ฝุ่นPM2.5 คืออะไร?
PM2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน (เล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ประมาณ 25 เท่า) ด้วยขนาดที่เล็กมากทำให้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน และที่สำคัญคือสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนลึก และเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง
ฝุ่นPM2.5มีแหล่งกำเนิดทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ แหล่งกำเนิดที่สำคัญได้แก่
– การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล
– การเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร
– ไอเสียจากยานพาหนะ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล
– โรงงานอุตสาหกรรม
– การก่อสร้างและการพังทลายของอาคาร
– หมอกควันข้ามพรมแดน
สำหรับประเทศไทย สถานการณ์ PM2.5 มักจะรุนแรงในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการเผาในที่โล่ง สภาพอากาศที่แห้ง และการจราจรที่หนาแน่น

ผลกระทบของฝุ่นPM2.5 ต่อสุขภาพ
PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายระดับ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรง ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
ผลกระทบในระยะสั้น
– โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
– โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
– โรคหัวใจและหลอดเลือด
– โรคหลอดเลือดสมอง
– โรคมะเร็งปอด
– การพัฒนาสมองที่ผิดปกติในเด็ก
– การลดลงของความสามารถในการทำงานของปอด
– อายุขัยที่สั้นลง
จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า PM2.5 เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทั่วโลกถึงปีละ 4.2 ล้านคน ทำให้เห็นได้ชัดว่าฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เป็นเพียงแค่มลพิษทั่วไป แต่เป็น “ภัยเงียบ” ที่คุกคามสุขภาพของประชาชนทั่วโลก
ค่ามาตรฐานฝุ่นPM2.5 ในประเทศไทย
ประเทศไทยได้มีการกำหนดค่ามาตรฐาน PM2.5 เพื่อเป็นเกณฑ์ในการประเมินคุณภาพอากาศและการแจ้งเตือนประชาชน โดยค่ามาตรฐานปัจจุบันกำหนดโดยกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีดังนี้:
– ค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง: ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
– ค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยรายปี: ไม่เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่าแนะนำที่เข้มงวดกว่า โดยระบุว่า:
– ค่าแนะนำ PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง: ไม่เกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
– ค่าแนะนำ PM2.5 เฉลี่ยรายปี: ไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
จะเห็นได้ว่าค่ามาตรฐานของไทยยังสูงกว่าค่าแนะนำขององค์การอนามัยโลกค่อนข้างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศไทย
การแปลความหมายค่า PM2.5 ในประเทศไทยแบ่งเป็นระดับดังนี้:
– 0-25 μg/m³: คุณภาพอากาศดี (สีฟ้า)
– 26-37 μg/m³: คุณภาพอากาศปานกลาง (สีเขียว)
– 38-50 μg/m³: คุณภาพอากาศเริ่มมีผลต่อสุขภาพ (สีเหลือง)
– 51-90 μg/m³: คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม)
– มากกว่า 90 μg/m³: คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก (สีแดง)
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่าแนะนำที่เข้มงวดกว่า โดยระบุว่า:
– ค่าแนะนำ PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง: ไม่เกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
– ค่าแนะนำ PM2.5 เฉลี่ยรายปี: ไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
จะเห็นได้ว่าค่ามาตรฐานของไทยยังสูงกว่าค่าแนะนำขององค์การอนามัยโลกค่อนข้างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศไทย
การแปลความหมายค่า PM2.5 ในประเทศไทยแบ่งเป็นระดับดังนี้:
– 0-25 μg/m³: คุณภาพอากาศดี (สีฟ้า)
– 26-37 μg/m³: คุณภาพอากาศปานกลาง (สีเขียว)
– 38-50 μg/m³: คุณภาพอากาศเริ่มมีผลต่อสุขภาพ (สีเหลือง)
– 51-90 μg/m³: คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม)
– มากกว่า 90 μg/m³: คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก (สีแดง)
วิธีป้องกัน PM2.5
การป้องกันตัวเองจาก PM2.5 เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง ซึ่งมีวิธีการดังนี้:
การป้องกันส่วนบุคคล
1.สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น: ควรเลือกหน้ากากที่มีมาตรฐาน N95 หรือดีกว่า ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง: ตรวจสอบค่าฝุ่นจากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ก่อนออกจากบ้าน
3. ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด: เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในบ้าน
4. ใช้เครื่องฟอกอากาศ: เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรอง PM2.5 โดยดูจากค่า Clean Air Delivery Rate (CADR)
5. ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ: เช็ดถูบ้านด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แทนการกวาดซึ่งอาจทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย
6. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ: เพื่อช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรคหลอดเลือดสมอง โดยสามารถทำได้ผ่านการดูแลสุขภาพและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้:
- ควบคุมความดันโลหิต – ตรวจสอบความดันโลหิตเป็นประจำและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด – สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ควบคุมระดับไขมันในเลือด – ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง
- งดสูบบุหรี่ – การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก
- จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ – ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ – เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนไขมันต่ำ
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ – ลดน้ำหนักหากจำเป็น
- จัดการความเครียด – ความเครียดเรื้อรังสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้
- ตรวจสุขภาพประจำปี – ตรวจคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เป็นประจำ
การป้องกันระดับชุมชนและสังคม
1. งดการเผาในที่โล่ง: ไม่เผาขยะ เศษใบไม้ หรือวัสดุทางการเกษตร
2. ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว: หันมาใช้รถสาธารณะ จักรยาน หรือการเดินทางร่วมกันเพื่อลดการปล่อยมลพิษ
3. สนับสนุนนโยบายและมาตรการลดมลพิษ: ติดตามและมีส่วนร่วมในการผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
4. ปลูกต้นไม้: ต้นไม้บางชนิดสามารถช่วยกรองมลพิษในอากาศได้ เช่น อโศกอินเดีย แก้ว สนประดิพัทธ์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PM2.5 (FAQ)
1. PM2.5 คืออะไร?
ตอบ: PM2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งเล็กมากจนสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
2. PM2.5 มาจากแหล่งใดบ้าง?
ตอบ: PM2.5 มีแหล่งกำเนิดทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไอเสียจากยานพาหนะ การเผาในที่โล่ง โรงงานอุตสาหกรรม และหมอกควันข้ามพรมแดน
3. PM2.5 อันตรายต่อสุขภาพอย่างไร?
ตอบ: PM2.5 สามารถทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด และส่งผลต่อการทำงานของปอด โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
4. ประเทศไทยกำหนดค่ามาตรฐาน PM2.5 อย่างไร?
ตอบ: กรมควบคุมมลพิษกำหนดค่ามาตรฐานPM2.5 ไว้ที่:
ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง: ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
ค่าเฉลี่ยรายปี: ไม่เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg/m³)
5. วิธีเช็คค่าPM2.5 ทำได้อย่างไร?
ตอบ: สามารถตรวจสอบค่า PM2.5 ได้ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ เช่น AirVisual, AQICN, หรือเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ
6. วิธีป้องกันตนเองจาก PM2.5 มีอะไรบ้าง?
ตอบ:
– สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นที่ได้มาตรฐาน เช่น N95
– หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง
– ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด
– ใช้เครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรอง PM2.5 ได้
– ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
7. PM2.5 มีผลต่อเด็กและสตรีมีครรภ์อย่างไร?
ตอบ: PM2.5 อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ทำให้เกิดปัญหาทางสมองและปอด ส่วนสตรีมีครรภ์อาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและทารกน้ำหนักตัวต่ำ
8. ทำไมค่า PM2.5 ในประเทศไทยสูงในบางช่วงปี?
ตอบ: ค่า PM2.5 มักสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวและหน้าแล้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและการเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร และหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน
9. หน้ากากแบบไหนสามารถป้องกันPM2.5 ได้ดีที่สุด?
ตอบ: หน้ากากที่สามารถป้องกัน PM2.5 ได้ดีที่สุดคือหน้ากากที่มีมาตรฐาน N95 หรือสูงกว่า ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10. การปลูกต้นไม้สามารถช่วยลดPM2.5 ได้หรือไม่?
ตอบ: การปลูกต้นไม้สามารถช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศและกรองฝุ่นบางส่วนได้ ต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรองอากาศ เช่น อโศกอินเดีย แก้ว และสนประดิพัทธ์ สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในบริเวณใกล้เคียงได้
บทสรุป
PM2.5 เป็นภัยเงียบที่อันตรายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แม้จะเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากในระดับประเทศ แต่เราสามารถป้องกันตัวเองและครอบครัวจากอันตรายของฝุ่นได้ด้วยการเตรียมพร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกัน
- All
- อุปกรณ์ช่วยชีวิตและระบบทางเดินหายใจ
- อุปกรณ์ช่วยเหลือการเคลื่อนไหวและกายภาพบำบัด
- อุปกรณ์วินิจฉัยทางการแพทย์
- อุปกรณ์สำหรับโรงพยาบาลและผู้ป่วยในบ้าน
- เครื่องมือแพทย์สำหรับศัลยกรรม และ หัตถการ
- อุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์
- เวชสำอาง
- อุปกรณ์อื่นๆ

กระบอกพ่นยา Spacer for Aerosol with Silicone สำหรับต่อยาพ่นชนิด MDI มี 3 ไซต์ ขนาด (S, M, L) ฿300.00

อุปกรณ์ช่วยเดิน 4 ขา รุ่น W-04 Folding Walker วอร์คเกอร์พยุงเดิน พับได้ พกพาสะดวก มาตรฐานทางการแพทย์ ฿970.00

ปรอทวัดไข้ดิจิตอล Digital Thermometer รุ่น PT-03 ใช้วัดไข้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ วัดเร็ว แม่นยำ มาตรฐานเยอรมัน ฿150.00

รถเข็นผู้ป่วยมีเบรกมือ Wheelchair รุ่น PMW809 พับได้ ล้อซี่ลวดแบบยางตัน รับน้ำหนักได้ถึง 120 kg. Original price was: ฿15,000.00.฿2,989.00

เครื่องดูดเสมหะ แบบพกพา รุ่น PS-1A Portable Phlegm Suction Unit (รับประกัน 3 ปี) มอเตอร์จากเกาหลี ฿1,999.00

เจลอัลตร้าซาวด์ สีฟ้า/สีใส Aqua Ultrasound Gel ขนาด 250 ml. ใช้ในการทำหัตถการหรือใช้ได้เองที่บ้าน ฿129.00

ที่นอนลมแบบลอน Air Mattress รุ่น P-02 System) ป้องกันแผลกดทับ รองรับน้ำหนักได้ถึง 150 กก.. Original price was: ฿15,000.00.฿3,249.00