อาหารเป็นพิษ อร่อยปากลำบากท้อง รู้เท่าทันภัยร้ายใกล้ตัว

อาหารเป็นพิษphenoma

อาหารเป็นพิษ รู้เท่าทันภัยร้ายใกล้ตัว ประจำปี 2025

อาหารเป็นพิษ รู้เท่าทันภัยร้ายใกล้ตัว ประจำปี 2025 เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในประเทศไทย สำหรับหลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ “อร่อยปากลำบากท้อง” อาหาร เป็นพิษเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในประเทศไทย สำหรับหลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ “อร่อยปากลำบากท้อง” เพราะรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาหารเป็นพิษ สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษา เพื่อให้คุณสามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัย

อาหาร เป็นพิษคืออะไร?

เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค สารพิษ หรือสารเคมีอันตราย โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารที่ไม่สะอาด หรือปรุงไม่สุก

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อาหาร เป็นพิษ เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยทั่วโลก โดยทุกปีมีผู้ป่วยมากกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก และในประเทศไทยมีผู้ป่วยจากโรคอาหาร เป็นพิษมากกว่า 100,000 รายต่อปี

เชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษที่พบบ่อย

ซาลโมเนลลา (Salmonella) – พบมากในไข่ดิบ เนื้อสัตว์ปีกที่ปรุงไม่สุก และนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ ก่อให้เกิดอาการไข้ ปวดท้อง และท้องเสียภายใน 12-72 ชั่วโมงหลังรับประทาน

สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) – มักปนเปื้อนในอาหารประเภทครีม อาหารที่ผ่านการหมัก และอาหารที่มีการสัมผัสด้วยมือ ทำให้เกิดอาการอาเจียนอย่างรุนแรงภายใน 1-6 ชั่วโมง

คลอสตริเดียม เพอร์ฟริงเจนส์ (Clostridium perfringens) – พบในเนื้อสัตว์ที่ปรุงแล้วทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ก่อให้เกิดอาการปวดท้องและท้องเสียภายใน 8-16 ชั่วโมง

บาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus cereus) – มักพบในข้าวที่ปรุงแล้วแต่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียนภายใน 1-5 ชั่วโมง

สาเหตุมักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา อีโคไล สแตฟิโลค็อกคัส คลอสตริเดียม และวิบริโอ
– อาหารที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ไข่ และอาหารทะเล
– การเก็บรักษาอาหารไม่ถูกวิธี เช่น ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน
– ภาชนะและอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ทำให้เกิดการปนเปื้อนข้าม
– สารพิษตามธรรมชาติ เช่น พิษจากเห็ดบางชนิด หรือปลาปักเป้า
– การปนเปื้อนสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลงในผักและผลไม้
– สารเติมแต่งอาหารที่ไม่ปลอดภัย หรือใช้ในปริมาณมากเกินไป

อาหารเป็นพิษphenoma

อาการของอาหารเป็นพิษ

1.คลื่นไส้ อาเจียน
2.ท้องเสีย ถ่ายเหลว บางครั้งมีเลือดปน
3.ปวดท้องรุนแรง บิดเกร็ง
4.มีไข้
5.อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ
6.หนาวสั่น
7.กล้ามเนื้อปวดเมื่อย
8.ปวดศีรษะ
9.ผิวแห้ง ตาลึก (อาการขาดน้ำ)
10.ความดันโลหิตต่ำ (ในกรณีรุนแรง)

อาการอาหาร เป็นพิษอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน หรืออาจใช้เวลาหลายวันขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค ระยะเวลาและความรุนแรงของอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อโรคและปริมาณที่ได้รับ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษอาหารเป็นพิษอาจเป็นอันตรายมากขึ้นในกลุ่มคนต่อไปนี้

  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
    ผู้สูงอายุ
  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
  • โรคตับ โรคไต

คนกลุ่มนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการเลือกรับประทานอาหาร และหากมีอาการ ควรพบแพทย์โดยเร็ว

อาหารเป็นพิษphenoma

อาหารที่มักก่อให้เกิดอาการ

อาหารเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอาหาร เป็นพิษ

– อาหารทะเลที่ไม่สดหรือปรุงไม่สุก
– เนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก
– ไข่ดิบหรือไข่ที่ปรุงไม่สุก
– นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์
– อาหารที่เก็บไว้นานโดยไม่แช่เย็น
– ผักและผลไม้ที่ไม่ได้ล้างให้สะอาด
– อาหารบุฟเฟ่ต์ที่วางไว้เป็นเวลานานที่อุณหภูมิห้อง
– อาหารจากร้านที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
– อาหารที่มีแมลงวันตอม
– อาหารในภาชนะที่สกปรกหรือมีการปนเปื้อน

อาหารไทยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ในประเทศไทย อาหารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาหาร เป็นพิษ ได้แก่

– ยำและส้มตำที่ใช้เนื้อสัตว์ดิบหรือกุ้งดิบ
– ลาบดิบ และก้อยดิบ
– หอยแครงดิบและอาหารทะเลดิบ
– น้ำพริกปลาร้าที่ไม่ผ่านความร้อน
– ส้มฟักที่หมักไม่ได้มาตรฐาน
– แหนมดิบหรือไส้กรอกอีสานที่หมักไม่นานพอ

อาหารเป็นพิษphenoma

วิธีป้องกัน

เพื่อหลีกเลี่ยงควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้:

  1. ล้างมือให้สะอาด ก่อนและหลังประกอบอาหาร
  2. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
  3. เก็บอาหารในตู้เย็น ภายใน 2 ชั่วโมงหลังปรุงเสร็จ
  4. แยกอาหารดิบและอาหารปรุงสุก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้าม
  5. เลือกร้านอาหารที่สะอาด ได้มาตรฐานถูกสุขอนามัย
  6. ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด ก่อนรับประทาน
  7. ใช้เขียงและอุปกรณ์แยกสำหรับอาหารดิบและอาหารปรุงสุก
  8. ตรวจสอบวันหมดอายุ ของอาหารทุกครั้งก่อนซื้อหรือบริโภค
  9. หลีกเลี่ยงการชิมอาหารดิบ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
  10. ใช้หลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เพื่อลดความเสี่ยง

หลัก 5 ประการในการเลือกร้านอาหารปลอดภัย

การเลือกร้านอาหารที่ปลอดภัยควรพิจารณาจาก:

  1. ความสะอาดของร้าน พื้น โต๊ะ และบริเวณโดยรอบต้องสะอาด
  2. สภาพอาหาร อาหารต้องมีลักษณะสด ใหม่ และปรุงสุก
  3. ผู้สัมผัสอาหาร พนักงานและผู้ปรุงอาหารต้องมีสุขลักษณะที่ดี
  4. การเก็บรักษาอาหาร มีการเก็บอาหารอย่างถูกวิธี
  5. การจัดการขยะและน้ำเสีย มีระบบกำจัดที่ถูกสุขลักษณะ

สารละลายเกลือแร่ทำเองได้ง่ายๆ

หากไม่มีสารละลายเกลือแร่สำเร็จรูป สามารถทำเองได้ง่ายๆ โดย:

  • น้ำสะอาด 1 ลิตร
  • น้ำตาล 6 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ผสมให้เข้ากัน และดื่มเพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสีย

เมื่อไรควรพบแพทย์ ?

ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการอาหาร เป็นพิษร่วมกับอาการต่อไปนี้:

  • ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  • อาเจียนรุนแรงและไม่สามารถเก็บน้ำไว้ในร่างกาย
  • ถ่ายเหลวมีเลือดปน
  • อาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย วิงเวียนศีรษะ
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
  • ปวดท้องรุนแรงและต่อเนื่อง
  • ตาลึก ผิวแห้ง หรือซึม
  • ไม่สามารถดื่มน้ำได้เนื่องจากอาเจียนมาก
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคไต หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

วิธีการรักษา

หากมีอาการควรปฏิบัติดังนี้:

  1. ดื่มน้ำมากๆ เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากการท้องเสียและอาเจียน
  2. สารละลายเกลือแร่ ช่วยทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสีย
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
  4. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน และแอลกอฮอล์
  5. พบแพทย์ หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
  6. รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แครกเกอร์ กล้วย
  7. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ท้องเสียโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ร่างกายกำจัดเชื้อโรคออกมาช้าลง
อาหารเป็นพิษphenoma

กฎหมายและมาตรการป้องกันอาหาร เป็นพิษในประเทศไทย

ประเทศไทยมีกฎหมายและมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านอาหารเพื่อป้องกันอาหาร เป็นพิษ ดังนี้:

  1. พระราชบัญญัติอาหาร ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร
  2. มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ระบบการผลิตอาหารที่ดี
  3. มาตรฐาน Clean Food Good Taste สำหรับร้านอาหารและแผงลอย
  4. การรณรงค์ของกรมอนามัย เกี่ยวกับการบริโภคอาหารปลอดภัย
  5. ระบบการเฝ้าระวังโรค โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • อาหาร เป็นพิษไม่ได้เกิดจากอาหารเผ็ดหรืออาหารรสจัด แต่เกิดจากเชื้อโรคหรือสารพิษในอาหาร
  • อาหารที่มีรสชาติ กลิ่น และลักษณะปกติ อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้ การดูเพียงภายนอกไม่เพียงพอ
  • การอุ่นอาหารให้ร้อนจัด (อุณหภูมิมากกว่า 74 องศาเซลเซียส) สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ได้
  • อาหารปรุงสำเร็จไม่ควรวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมง
  • การแช่แข็งอาหารไม่ได้ฆ่าเชื้อโรค แต่เพียงหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อชั่วคราว

สรุป

อาหาร เป็นพิษอาจเริ่มจากความ “อร่อยปาก” แต่ลงเอยด้วยความ “ลำบากท้อง” การรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุก และถูกสุขลักษณะ จะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพนี้ได้ การระมัดระวังในการเลือกร้านอาหาร การปรุงอาหาร และการเก็บรักษาอาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดี

อย่าลืม หากคุณมีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะบางครั้งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ การรู้เท่าทันและระมัดระวังจะช่วยให้คุณ “อร่อยปาก” โดยไม่ต้อง “ลำบากท้อง”

สินค้าและโปรโมชั่น แนะนำ!

Index
Scroll to Top