อาหารเป็นพิษ อร่อยปากลำบากท้อง รู้เท่าทันภัยร้ายใกล้ตัว

อาหารเป็นพิษphenoma

อาหารเป็นพิษเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในประเทศไทย สำหรับหลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ “อร่อยปากลำบากท้อง” เพราะรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาหารเป็นพิษ สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษา เพื่อให้คุณสามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัย

อาหารเป็นพิษคืออะไร?

เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค สารพิษ หรือสารเคมีอันตราย โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารที่ไม่สะอาด หรือปรุงไม่สุก

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อาหาร เป็นพิษ เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยทั่วโลก โดยทุกปีมีผู้ป่วยมากกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก และในประเทศไทยมีผู้ป่วยจากโรคอาหารเป็นพิษมากกว่า 100,000 รายต่อปี

สาเหตุมักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา อีโคไล สแตฟิโลค็อกคัส คลอสตริเดียม และวิบริโอ
– อาหารที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ไข่ และอาหารทะเล
– การเก็บรักษาอาหารไม่ถูกวิธี เช่น ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน
– ภาชนะและอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ทำให้เกิดการปนเปื้อนข้าม
– สารพิษตามธรรมชาติ เช่น พิษจากเห็ดบางชนิด หรือปลาปักเป้า
– การปนเปื้อนสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลงในผักและผลไม้
– สารเติมแต่งอาหารที่ไม่ปลอดภัย หรือใช้ในปริมาณมากเกินไป

เชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษที่พบบ่อย

ซาลโมเนลลา (Salmonella) – พบมากในไข่ดิบ เนื้อสัตว์ปีกที่ปรุงไม่สุก และนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ ก่อให้เกิดอาการไข้ ปวดท้อง และท้องเสียภายใน 12-72 ชั่วโมงหลังรับประทาน

สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) – มักปนเปื้อนในอาหารประเภทครีม อาหารที่ผ่านการหมัก และอาหารที่มีการสัมผัสด้วยมือ ทำให้เกิดอาการอาเจียนอย่างรุนแรงภายใน 1-6 ชั่วโมง

คลอสตริเดียม เพอร์ฟริงเจนส์ (Clostridium perfringens) – พบในเนื้อสัตว์ที่ปรุงแล้วทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ก่อให้เกิดอาการปวดท้องและท้องเสียภายใน 8-16 ชั่วโมง

บาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus cereus) – มักพบในข้าวที่ปรุงแล้วแต่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียนภายใน 1-5 ชั่วโมง

อาหารเป็นพิษphenoma

อาการของอาหารเป็นพิษ

1.คลื่นไส้ อาเจียน
2.ท้องเสีย ถ่ายเหลว บางครั้งมีเลือดปน
3.ปวดท้องรุนแรง บิดเกร็ง
4.มีไข้
5.อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ
6.หนาวสั่น
7.กล้ามเนื้อปวดเมื่อย
8.ปวดศีรษะ
9.ผิวแห้ง ตาลึก (อาการขาดน้ำ)
10.ความดันโลหิตต่ำ (ในกรณีรุนแรง)

อาการอาหาร เป็นพิษอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน หรืออาจใช้เวลาหลายวันขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค ระยะเวลาและความรุนแรงของอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อโรคและปริมาณที่ได้รับ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษอาหารเป็นพิษอาจเป็นอันตรายมากขึ้นในกลุ่มคนต่อไปนี้

  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
    ผู้สูงอายุ
  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
  • โรคตับ โรคไต

คนกลุ่มนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการเลือกรับประทานอาหาร และหากมีอาการ ควรพบแพทย์โดยเร็ว

อาหารเป็นพิษphenoma

อาหารที่มักก่อให้เกิดอาการ

อาหารเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอาหาร เป็นพิษ

– อาหารทะเลที่ไม่สดหรือปรุงไม่สุก
– เนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก
– ไข่ดิบหรือไข่ที่ปรุงไม่สุก
– นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์
– อาหารที่เก็บไว้นานโดยไม่แช่เย็น
– ผักและผลไม้ที่ไม่ได้ล้างให้สะอาด
– อาหารบุฟเฟ่ต์ที่วางไว้เป็นเวลานานที่อุณหภูมิห้อง
– อาหารจากร้านที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
– อาหารที่มีแมลงวันตอม
– อาหารในภาชนะที่สกปรกหรือมีการปนเปื้อน

อาหารไทยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ในประเทศไทย อาหารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาหาร เป็นพิษ ได้แก่

– ยำและส้มตำที่ใช้เนื้อสัตว์ดิบหรือกุ้งดิบ
– ลาบดิบ และก้อยดิบ
– หอยแครงดิบและอาหารทะเลดิบ
– น้ำพริกปลาร้าที่ไม่ผ่านความร้อน
– ส้มฟักที่หมักไม่ได้มาตรฐาน
– แหนมดิบหรือไส้กรอกอีสานที่หมักไม่นานพอ

อาหารเป็นพิษphenoma

วิธีป้องกัน

เพื่อหลีกเลี่ยงควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้:

  1. ล้างมือให้สะอาด ก่อนและหลังประกอบอาหาร
  2. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
  3. เก็บอาหารในตู้เย็น ภายใน 2 ชั่วโมงหลังปรุงเสร็จ
  4. แยกอาหารดิบและอาหารปรุงสุก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้าม
  5. เลือกร้านอาหารที่สะอาด ได้มาตรฐานถูกสุขอนามัย
  6. ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด ก่อนรับประทาน
  7. ใช้เขียงและอุปกรณ์แยกสำหรับอาหารดิบและอาหารปรุงสุก
  8. ตรวจสอบวันหมดอายุ ของอาหารทุกครั้งก่อนซื้อหรือบริโภค
  9. หลีกเลี่ยงการชิมอาหารดิบ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
  10. ใช้หลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เพื่อลดความเสี่ยง

หลัก 5 ประการในการเลือกร้านอาหารปลอดภัย

การเลือกร้านอาหารที่ปลอดภัยควรพิจารณาจาก:

  1. ความสะอาดของร้าน พื้น โต๊ะ และบริเวณโดยรอบต้องสะอาด
  2. สภาพอาหาร อาหารต้องมีลักษณะสด ใหม่ และปรุงสุก
  3. ผู้สัมผัสอาหาร พนักงานและผู้ปรุงอาหารต้องมีสุขลักษณะที่ดี
  4. การเก็บรักษาอาหาร มีการเก็บอาหารอย่างถูกวิธี
  5. การจัดการขยะและน้ำเสีย มีระบบกำจัดที่ถูกสุขลักษณะ

วิธีการรักษา

หากมีอาการควรปฏิบัติดังนี้:

  1. ดื่มน้ำมากๆ เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากการท้องเสียและอาเจียน
  2. สารละลายเกลือแร่ ช่วยทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสีย
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
  4. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน และแอลกอฮอล์
  5. พบแพทย์ หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
  6. รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แครกเกอร์ กล้วย
  7. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ท้องเสียโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ร่างกายกำจัดเชื้อโรคออกมาช้าลง

สารละลายเกลือแร่ทำเองได้ง่ายๆ

หากไม่มีสารละลายเกลือแร่สำเร็จรูป สามารถทำเองได้ง่ายๆ โดย:

  • น้ำสะอาด 1 ลิตร
  • น้ำตาล 6 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ผสมให้เข้ากัน และดื่มเพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสีย

เมื่อไรควรพบแพทย์?

ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการอาหาร เป็นพิษร่วมกับอาการต่อไปนี้:

  • ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  • อาเจียนรุนแรงและไม่สามารถเก็บน้ำไว้ในร่างกาย
  • ถ่ายเหลวมีเลือดปน
  • อาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย วิงเวียนศีรษะ
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
  • ปวดท้องรุนแรงและต่อเนื่อง
  • ตาลึก ผิวแห้ง หรือซึม
  • ไม่สามารถดื่มน้ำได้เนื่องจากอาเจียนมาก
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคไต หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

กฎหมายและมาตรการป้องกันอาหาร เป็นพิษในประเทศไทย

ประเทศไทยมีกฎหมายและมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านอาหารเพื่อป้องกันอาหาร เป็นพิษ ดังนี้:

  1. พระราชบัญญัติอาหาร ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร
  2. มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ระบบการผลิตอาหารที่ดี
  3. มาตรฐาน Clean Food Good Taste สำหรับร้านอาหารและแผงลอย
  4. การรณรงค์ของกรมอนามัย เกี่ยวกับการบริโภคอาหารปลอดภัย
  5. ระบบการเฝ้าระวังโรค โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • อาหาร เป็นพิษไม่ได้เกิดจากอาหารเผ็ดหรืออาหารรสจัด แต่เกิดจากเชื้อโรคหรือสารพิษในอาหาร
  • อาหารที่มีรสชาติ กลิ่น และลักษณะปกติ อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้ การดูเพียงภายนอกไม่เพียงพอ
  • การอุ่นอาหารให้ร้อนจัด (อุณหภูมิมากกว่า 74 องศาเซลเซียส) สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ได้
  • อาหารปรุงสำเร็จไม่ควรวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมง
  • การแช่แข็งอาหารไม่ได้ฆ่าเชื้อโรค แต่เพียงหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อชั่วคราว
อาหารเป็นพิษphenoma

สรุป

อาหาร เป็นพิษอาจเริ่มจากความ “อร่อยปาก” แต่ลงเอยด้วยความ “ลำบากท้อง” การรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุก และถูกสุขลักษณะ จะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพนี้ได้ การระมัดระวังในการเลือกร้านอาหาร การปรุงอาหาร และการเก็บรักษาอาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดี

อย่าลืม หากคุณมีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะบางครั้งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ การรู้เท่าทันและระมัดระวังจะช่วยให้คุณ “อร่อยปาก” โดยไม่ต้อง “ลำบากท้อง”

Scroll to Top